ไอทีควอนตัม เมืองไทย
泰国量子信息论坛
(since 2014 - best view on desktop)
Hologram
2024 by OQC academy &
IEEE Thailand section Quantum IT
International Day of Light - Theme (โลก)
IDL : Thailand Contact Node "วันสากลแห่งแสง (และเทคโนโลยีแสง)"
Since November 2017 : updated: December 19, 2018
Science & Technology | Development ..... |
---|---|
Education & Culture |
อภิธานศัพท์ (หรือคำอธิบายศัพท์วิทยาศาสตร์)
Light-based technology-เทคโนโลยีที่มีแสงเป็นพื้นฐาน Photonics-ทัศนศาสตร์เชิงแสงหรืองานด้านแสง
Optics-ทัศนศาสตร์ Remote sensing-เทคโนโลยีการรับรู้หรือตรวจวัดทางไกล
Light-sciences and technologies-วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านแสง
...................................................................
โครงการนี้ มีกิจกรรมที่เน้นหนักไปในสามสาขาที่ใช้แสงในการดำเนินกิจกรรมหลักคือ
-
แสงในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Light: Science and Technology)
แสงคือศูนย์รวมของความเข้าใจด้านวิทยาศาสตร์และการพัฒนาเทคโนโลยี โดยตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมาผลการศึกษาเกี่ยวกับแสงและสมบัติของแสงได้ปฏิวัติวงการวิทยาศาสตร์ทุกสาขาและมีส่วนเกี่ยวข้องกับภาพความก้าวหน้าที่สำคัญทั้งหมด กล่าวได้ว่าตั้งแต่ยุคอดีตของ อิบุน อัล-ฮัยษาม (Ibn Al Haytham นักนักปราชญ์ชาวอาหรับผู้วางรากฐานของฟิสิกส์ด้านทัศนศาสตร์ ช่วงราว ค.ศ. 965 - 1039) มาจนถึงยุคการค้นพบของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein ผู้โด่งดังและเจ้าของรางวัลโนเบลปรากฏการณ์แสงกับอิเล็กตรอนหรือ “Photoelectric effect”)
การแผ่สเปกตรัมของแสงจะให้ระดับกว้างมากครอบคลุมจากแถบความถี่ที่กว้างไปยังแนวที่แคบเล็กลง หรือจากแถบรังสีแกมมาไปจนถึงระดับของคลื่นวิทยุนั่นเอง หรือกล่าวได้อีกนัยว่าเกี่ยวข้องตั้งแต่กรณีการกำเนิดของจักรวาล จนมาถึงเทคโนโลยีอันได้ปรับเปลี่ยนสังคมมนุษย์ตลอดมาดังเช่นตัวอย่างกับงานการวิจัยขั้นสูงของสาขาต่าง ๆ อาทิ นาโนเชิงแสง ทัศนศาสตร์เชิงควอนตัม และวิทยาศาสตร์ล้ำยุคที่ได้เป็นแรงบันดาลใจต่อการค้นพบหลักการพื้นฐานใหม่ ๆ ต่อเนื่องมา รวมทั้งได้การเปิดพรมแดนด้านวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ มากขึ้นด้วย
เทคโนโลยีที่มีแสงเป็นพื้นฐานและทัศนศาสตร์เชิงแสงหรืองานด้านแสงนั้นเอง จึงสามารถตอบสนองความต้องการของมนุษยชาติได้โดยตรง อันรวมตั้งแต่เป็นโครงสร้างการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร อีกทั้งนำมาซึ่งการพัฒนาที่ยั่งยืนและยกระดับเพิ่มความเป็นอยู่และมาตรฐานการครองชีพอีกด้วย
การประยุกต์ใช้งานทัศนศาสตร์เองจำนวนมากก็ได้ทำการปฏิรูปสังคมมาอย่างเห็นผล เช่น จากพัฒนาการของวงการแพทย์ การติดต่อสื่อสาร ตลอดจนการเป็นแหล่งสร้างพลังงาน (แผงสุริยะ) ดังนั้น อุตสาหกรรมที่ใช้งานด้านแสงหรือทัศนศาสตร์จึงนับว่าเป็นตัวขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญประการหนึ่ง
ส่วนทัศนศาสตร์เชิงแสงเองก็ได้กลายมาเป็นสิ่งที่แพร่หลายอยู่ในชีวิตประจำวันเรียบร้อยแล้วด้วย เช่น เทคโนโลยีเพื่อช่วยเพิ่มมุมมองและสร้างศักยภาพให้กับตัวโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ชาญฉลาด เทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่นำมาสร้างเป็นเครื่องมือสังเกตการณ์หรือเพื่อการศึกษาเรื่องอวกาศมาจนถึงเส้นใยนำแสงกับการสนองงานด้านติดต่อสื่อสารในยุคอินเทอร์เน็ต ทัศนศาสตร์เชิงแสงนี้ จึงกลายเป็นตัวบ่งชี้ว่าเทคโนโลยีใดจะเป็นกุญแจสำคัญต่อไปในอนาคตได้ด้วยนั่นเอง
-
แสงเพื่อการพัฒนา (Light: Development)
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของแสงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและต่อวิวัฒนาการเชิงบวกของสังคม อันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาความเชื่อมโยงต่อกันที่กำลังขยายตัวของมนุษย์ในสังคม ส่วนทัศนศาสตร์นั้นก็ได้นำเสนอแนวทางที่เป็นประโยชน์และมีประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองความท้าทายระดับโลกในด้านการผลิตพลังงาน การพัฒนาที่ยั่งยืนและการดูแลสุขภาพ รวมทั้งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติเพื่อยุติความยากจนต่อสู้กับความไม่เสมอภาคและความอยุติธรรม และการดำเนินงานอย่างเร่งด่วนในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและผลกระทบที่ตามมาด้วย
โดยที่งานด้านทัศนศาสตร์ได้เชื่อมต่อพลเมืองของโลกเข้าด้วยกันได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายการสื่อสารด้วยแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับภาคธุรกิจและการศึกษาอย่างมาก เครือข่ายสังคมเหล่านี้นั่นเองที่จะได้สนับสนุนต่อให้เกิดความรับผิดรับชอบต่อสังคมอันจะก่อให้เกิดสันติภาพ ความยุติธรรม และมาตรการทางกฎหมายที่มีความเข้มแข็งขึ้นได้ต่อไป ส่วนเทคโนโลยีด้านทัศนศาสตร์นั้นก็มีบทบาทสำคัญในด้านการแพทย์ตั้งแต่การวินิจฉัยและการตรวจวินิจฉัยพื้นฐาน ไปจนถึงรวมอยู่ในการรักษาขั้นสูงตลอดจนด้านการวิจัย และกรณีเทคโนโลยีการรับรู้หรือตรวจวัดทางไกล (ภาพถ่ายดาวเทียม) ก็ได้ใช้เป็นตัวส่งเสริมการพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืนเพื่อต่อสู้กับความหิวโหย และใช้เพื่อการสำรวจอันมาสู่การปกป้องสรรพชีวิตทั้งหลายทั้งบนบก ในแม่น้ำ ทะเลสาบและมหาสมุทรต่าง ๆ ได้ มาจนถึงการพัฒนาระบบส่องสว่างที่ทันสมัยอันเป็นสิ่งที่ได้สร้างโอกาสสำคัญต่อการปรับปรุงคุณภาพชีวิตด้วยแนวทางทั้งที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ สำหรับเทคโนโลยีที่ใช้แสงอื่น ๆ อีกนั้นก็ยังมีที่ไปเป็นส่วนสำคัญสำหรับงานการสังเกตตรวจสอบเฝ้าระวังและคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศด้วย เป็นต้น
จึงได้เป็นที่มาของการนำแนววิถีต่าง ๆ ของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านแสงเหล่านั้นมาใช้สะท้อนความสำคัญของเป้าหมายที่ต้องการดังกล่าว (อันจะสามารถช่วยนำไปสู่ความประสงค์ต่าง ๆ ของการพัฒนาอย่างยั่งยืนในสังคมได้จริงจัง) ให้เปล่งผ่านออกมากับสีทั้ง 17 แถบในตราสัญลักษณ์หรือโลโก้ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งจะเปรียบได้กับการแผ่รังสีออกมาจากดวงอาทิตย์จนมาปรากฏกายสื่อความหมายทั้งหมดนั้นอยู่ในโลโก้ของ “วันสากลแห่งแสง” (International Day of Light) ในที่สุด
-
แสงกับการศึกษาและวัฒนธรรม (Light: Education and Culture)
แสงเป็นหัวข้อที่ได้สร้างแรงบันดาลใจในหลากหลายแขนงสาขาวิชา และเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ดีเยี่ยมสำหรับการส่งเสริมการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ในหมู่เยาวชน เช่น หลักสูตรการเรียนการสอนที่นำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านแสงไปใช้ ก็ได้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านการศึกษาไปทั่วโลกแล้วโดยผ่านไปกับทั้งกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ กิจกรรมที่กำหนดเป้าหมายเพื่อเด็ก หรือเรื่องการมุ่งเป้าสู่ความสมดุลทางเพศ และกิจกรรมต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นมากับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ผ่านมาด้วย
วิทยาศาสตร์และการประยุกต์ใช้แสง ได้เสนอตนเองไปโดยธรรมชาติสู่การกระตุ้นให้เกิดคิดค้นหรือนวัตกรรมของภูมิภาคต่าง ๆ แม้อาจจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีทรัพยากรจำกัดก็ตาม นอกจากนี้ การศึกษาในเรื่องของแสงและเทคโนโลยีแสงก็จะทำให้เกิดการผลักดันส่งเสริมการประกอบอาชีพในสายวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ที่หลายฝ่ายต้องการได้อีก ตลอดจนกระตุ้นการให้เกิดผู้ประกอบการหน้าใหม่กับเทคโนโลยีด้านที่เกี่ยวข้องได้ด้วยเช่นกัน
อีกด้านหนึ่ง แสงทั้งได้รับอิทธิพลและยังคงการมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมของมนุษย์ด้วย ดังนั้น การที่จะศึกษาความเชื่อมโยงระหว่างแสงและวัฒนธรรมตลอดจนถึงประวัติศาสตร์ จะก่อให้เกิดข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าในการปฏิสัมพันธ์ระหว่างวิทยาศาสตร์ ศิลปะ มนุษยศาสตร์ และสร้างให้เกิดความเข้าใจ ความซาบซึ้ง หรือการรู้คุณค่ามรดกทางวัฒนธรรมของตนมากขึ้น
“แสง” มีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งต่อการทัศนาหรือการมอง งานด้านศิลปะการแสดง วรรณกรรม และต่อความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ แนวทางรูปแบบการจัดกิจกรรมแสงเชิงวัฒนธรรมนี้ จะเป็นสะพานเชื่อมที่สำคัญระหว่างวิทยาศาสตร์กับวัฒนธรรม โดยจะช่วยลดพรมแดนระหว่างกันได้ในที่สุด
…...................................